ภูกระดึง
- ยังจำได้ไหมแฟน พี่ตามจีบน้อง ต่างจ้องมองตากัน… นั่งดูหมอลำ หนาวๆ ถอดเสื้อหนาวให้กัน.. คิดถึงพี่ทุกวัน หนุ่มเมืองเลย พี่เคยเอาใจ…
หืมมมม… ลูกคอ 9 ชั้นก็มา ขึ้นต้นด้วยเพลงขนาดนี้จะหนีไปไหนได้ สำหรับ EP. นี้ เรายังอยู่กันที่เมืองเลยนะฮ๊ะ แต่ขอออกนอกตัวเมืองมาสักนิด เพราะเราจะพาทุกท่านไปออกกำลังแขน ขา ไปพร้อมๆ กันจะได้เห็นว่าสังขารเราตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ฮ่าฮ่าฮ่า เกริ่นกันมาสะยาวเอาเป็นว่าเราไปเก็บเสื้อผ้า แบกเป้ หอบเต้นท์ ไปนอนบนภูกัน!!!
ภูกระดึง ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 2 ของประเทศไทย มีจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,316 เมตรจากระดับน้ำทะเล สภาพทั่วไปของภูกระดึงประกอบไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด พันธุ์สัตว์ป่านานาพันธุ์ หน้าผา ทุ่งหญ้า ลำธาร และน้ำตกอีกทั้งยังเป็นพื้นที่ต้นน้ำของลำน้ำพองซึ่งเป็นลำน้ำสายสำคัญสายหนึ่งของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความสูง บรรยากาศ และสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดปีบนยอดภูกระดึง
โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวอุณหภูมิอาจลดต่ำจนถึง 0 องศาเซลเซียสจึงเป็นแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวปรารถนาที่หวังจะเป็นผู้พิชิตยอดภูกระดึง สักครั้งหนึ่งในชีวิต
วันแรก… ตื่นแต่เช้าตรู่พร้อมมุ่งหน้าสู่ยอดภูแนะนำเลยว่าให้หาอะไรทานเต็มที่ เน้นไปทางอาหารที่ให้พลังงาน เนื่องจากเราได้ใช้แรงอย่างหนักหน่วงแน่นอนหลังจากที่เราแบกเป้ใส่หลังเรียบร้อยก็รู้สึกถึงแรงกล้าขึ้นมาทันที บริเวณอุทยานมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นลานจอดรถ ห้องน้ำ ร้านสะดวกซื้อต่างๆ นานา
ใครที่กลัวว่าเสบียงที่เตรียมมาจะไม่พอก็สามารถตุนไว้เพิ่มได้เช่นกัน จากนั้นก็ได้ฤกษ์งามยามดี ถึงเวลาเปิดให้ขึ้นอุทยานแล้วจ้า… แต่ก่อนอื่นจะมีจุดที่ต้องมัดจำค่าขยะโดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก (ที่ต้องมีก็เหมือนเป็นค่าบำรุงรักษาอุทยาน เนื่องจากยังมีหลายคนที่มือบอลทิ้งขยะไม่ถูกที่บ้าง หรือทำลายพื้นที่บางส่วนของอุทยานบ้าง อันนี้ก็ถือว่าช่วยให้ภูกระดึงได้รักษาสภาพแวดล้อมแห่งนี้ไว้ต่อไปแบบยาวๆ)
จากนั้นก็เริ่มต้นสู่การย่างก้าวสู่ดินแดนพิชิตความแข็งแรง และความรักของหนุ่มสาว แต่รอบนี้แอดมินไปกับเพื่อนๆ เลยไม่มีคนพิสูจน์ด้วยเลย TT
สำหรับการเดินขึ้นภูกระดึงนั้นจะมีป้ายบอกจุดพัก และระยะทางข้างหน้า โดยแต่ละจุดจะมีชื่อเรียกต่างกันออกไป และขึ้นต้นด้วยคำว่า “ซำ” นำหน้า (หากแปลตามพจนานุกรม ซำ หมายถึง พื้นที่ที่มีน้ำซับหรือน้ำใต้ดินผุดขึ้นสู่ผิวดิน) หากนับรวมตั้งแต่จุดล่างสุดจนถึงหลังแปแล้ว ระยะทางที่ต้องเดินขึ้นประมาณ 9 กิโลเมตร หือ 9 กิโล!!! OMG! ฟังไม่ผิดครับ 9 กิโลของแท้
โดยจะเป็นทางขึ้นเขา 5.5 กม. สิ้นสุดที่หลังแป และทางราบอีก 3.5 กม. ทางนี้คือเดินเพื่อไปวังกวาง หรือจุดกางเต็นท์ของเรานั่นเอง >> แค่ได้ยินระยะทางก็อย่างเพิ่งท้อนะ เพราะมันมีสิ่งที่น่าค้นหาอยู่เรื่อยๆ #แค่จุดแรกก็เหนื่อยแล้ว
เรามารู้จักกับชื่อจุดพักที่ภูกระดึงกันบ้าง ได้แก่ ปางกกค่า ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก ซำกอซาง พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกไผ่ ซำกกโดน และซำแคร่ ก่อนจะถึงบริเวณยอดภูที่เรียกว่าหลังแป และสิ้นสุดคือวังกวางนั่นเอง ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวเพราะแต่ละจุดมีร้านอาหารมากมายคอยบริการด้วย แค่วันแรกก็เหนื่อยเอาเรื่องเหมือนกัน…
วันที่สอง… แนะนำว่าตอนเช้าไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นก่อน เพราะเป็นจุดเดียวที่สามารถเห้นพระอาทิตย์ขึ้นได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศของวันนั้นด้วยนะ บางครั้งไปหมอกเยอะเกินทำให้ฟ้าปิด แต่บางครั้งหากโชคดีฟ้าเปิดสว่างไสวเต็มที่ทำให้เห็นพระอาทิตย์ได้อย่างเต็มตา จากนั้นค่อยเดินเล่นไปตามทางแมกไม้นานาพันธุ์ ผ่านน้ำตก และจุดที่มีหลายท่านไปเช็คอินและถ่ายรูปมาแล้วกับต้นไม้และใบเมเปิ้ล ก่อนที่จะพบกับเป้าหมายของทุกคนคือ “ผาหล่มสัก” ก็ตัวที่มีหินยื่นออกมานั่นแหละครับ จุดเช็คอินที่ถือว่าหากไม่มาถ่ายรูปตรงนี้ แสดงว่ามาไม่ถึงภูกระดึงนะครับ ^^
บริเวณด้านบนหากใครที่คิดว่าเดินไม่ไหว ก็สามารถเช่าจักรยานของทางอุทยานได้เลย เพราะกว่าเราจะถึงผ่าหล่มสักก็ปาไปอีก 9 กิโลเมตร!!! บอกได้คำเดียวเลยว่า ตาย!!! แต่ แต่ แต่ คนที่ฟิตมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะและทำการบ้านมาอย่างดีอย่างแอดมินน่ะหรือ “เราจะเดินไปครับโผม..” แค่นี้จิ๊บจิ๊บ! การแต่งกายวันนี้คือไม่ต้องหนามาก เสื้อแขนยาวตัวเดียวก็ถือว่าใช้ได้แล้ว และที่สำคัญอากาศก็เป็นใจมาก…เย็นสบาย มีแดดบ้างนิดหน่อยแต่ร่มไม้ก็เยอะมากพอทำให้หลบแดดได้เป็นช่วงๆ ในระหว่างที่เดินไม่ควรพูดจาหยอกล้อกันเสียงดังมากๆ เพราะด้านบนถือเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์หลายชนิด และยังมีช้างป่าที่อาจจะตกใจนึกว่าจะมีคนมาทำร้ายเดี๋ยวจะแตกตื่นกันหมด ด้านบนก็ยังมีร้านค้าอำนวยความสะดวกให้เหมือนเดิมด้วยนะ
ถ้ารู้สึกหมดแรงก็แวะเติมพลังสักแปปแล้วค่อยไปต่อ ฮีบ! และในที่สุด! เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง เพราะสิ่งที่ปรากฏด้านหน้าของเราคือหินที่ยื่นออกไปบริเวณหน้าผา พร้อมทั้งต้นสนใหญ่ๆ ที่นี่ก็คือ ผาหล่มสัก นั่นเอง…… ปรบมือรัวๆ ไปเลยจ้า เมื่อไปถึงเราและเพื่อนๆ ก็เริ่มจัดแจงสถานที่และเก็บภาพให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ต้องระวังเรื่องความปลอดภัยมากๆ เพราะหากใครที่กลัวความสูงไม่ค่อยแนะนำให้ไปจุดนั้นสักเท่าไหร่กลัวจะวูบเอา แต่คนใจปลาซิว เอ้ย! คนใจกล้าอย่างแอดมินน่ะหรือ..ไหนๆ ก็มาแล้ว เราต้องไปให้สุด กระดึ๊บ กระดึ๊บ ค่อยๆ เขยิบเข้าไปบริเวณที่ชะโงกผานิดๆ แน่นอนว่าสั่นมาก
จากที่อิ่มเอมกับการถ่ายรูปและนั่งพักเอาแรงกันแล้วก็ลองดูเวลา อ่าว… เดี๋ยวต้องกลับยังที่พักแล้วเพราะเดี๋ยวมืดกว่านี้จะอันตราย (จริงๆ คือเป็นเวลาหากินของสัตว์นั่นแหละ) ทางเดินกลับเป็นอีกทางกับตอนมานะ เส้นนี้จะเลียบผาไปเรื่อยๆ มองทางซ้ายเป็นผืนป่า มองทางขวาเป็นทะเลหมอก โอ้ย…บรรยากาศดี โ-ค-ต-ร เดินมาอีกสักพักก็ถึงจุดที่พักของเราแล้ว
วันนี้ก็ถือว่าเป็นอีกวันที่ใช้พลังงานไปเยอะเหมือนกัน ดังนั้น หาอะไรกระแทกปากให้หายเหนื่อยไปเลย… หนังท้องตึง หนังตาหย่อน ถึงเวลาเข้านอนแล้ว หือ..ไม่อาบน้ำหรอ? หลายคนคงตั้งคำถาไว้ อิอิ อาบแล้วน๊า…แบบ 2 นาทีเสร็จอ่ะ คือ น้ำ เย็น มากกกก (ก. 85 ล้านตัว) พอเลยจ้าอยู่นานไม่ได้ ^^ สำหรับค่ำคืนนี้คงต้องกล่าวอำลาฝันดี ราตรีสวัสดิ์ Zz…
วันที่สาม… วันสุดท้ายบนภูกระดึง วันนี้ตื่นสายได้หน่อย จากนั้นก็เริ่มเก็บของพร้อมกับทานอาหารเช้า และอำลาคุณป้าเจ้าของร้านอาหารที่ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี “ไว้มาเที่ยวใหม่นะลูก” คุณป้าเอ่ยกับพวกเรา… จากนั้นก็ถึงเวลาเดินลงโดยใช้เส้นทางเดิมของวันแรกเลยครับ 9 กม. นั่นแหละ ฮ่าฮ่าฮ่า (แอบเหนื่อยไว้รอแล้ว) แต่ก่อนกลับจะมีหนึ่งจุดที่สำคัญคือการได้ถ่ายรูปกับป้าย “ครั้งหนึ่งในชีวิต เราเป็นผู้พิชิตภูกระดึง” ที่ไม่ว่าใครมาก็ตาม ต้องมีรูปกับป้ายนี้เก็บไว้ในความทรงจำแน่นอน และไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ยังคงเป็นที่นิยมคลาสสิกตลอดกาล ^^
…จบไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับทริปภูกระดึง 3 วัน 2 คืน อันแสนเหน็ดเหนื่อย
แต่เต็มไปด้วยความนุก ผจญภัย และมิตรภาพ คิดว่าหากยังมีแรงยังไงก็ต้องกลับมาอีกให้ได้ Bye..Bye…
>> ช่วง Q&A <<
- ภูกระดึงมีกระเช้าหรือยัง? : ภูกระดึงยังไม่มีกระเช้าครับ ต้องเดินขึ้นเท่านั้น
- แบกของไปเยอะมาก ไม่มีคนช่วยเลย ทำไงดี? : ภูกระดึงมี “ลูกหาบ” คอยอำนวยความสะดวกในการแบกของขึ้น หรือลงให้ โดยคิดจากน้ำหนักของสัมภาระชิ้นนั้นๆ
- ได้ข่าวว่าต้องระวังเรื่องทากด้วย? : ถูกต้องครับ เนื่องจากเป็นที่ชื้นและมีหญ้ามากมาย ทากอาจมาหาเรา โดย..ไม่..รู้..ตัว.. แนะนำว่าใส่เสื้อผ้ามิดชิด อาจใส่เป็นถุงกันทากก็ได้ เพื่อความสบายใจขึ้นมาหน่อย อิอิ
- ต้องเตรียมเงินไปเท่าไหร่? : ค่าใช้จ่ายราคาสูงขึ้นกว่าปกติแน่นอน ยิ่งร้านค้าอยู่สูงมากเท่าไหร่ ราคากับข้าว หรือเครื่องดื่มก็จะสูงตาม แต่เอาจริงๆ 3วัน 2คืน คนละ 2,000 บาทก็ถือว่าอยู่รอดแล้วนะ ^^
- อยากไปจังเลย แต่ต้องไปช่วงไหนน๊า? : ฤดูกาลเปิด เริ่ม 1 ตุลาคม – 31 พฤษภาคม เริ่มขึ้น 07.00น. ไม่อนุญาติให้ขึ้นและลงหลัง 14.00 น.
- อยากไปดูน้ำตก ทะเลหมอก ธรรมชาติสีเขียว ไปเดือน ต.ค. – พ.ย.
- อยากไปดูใบเมเปิ้ลแดง อากาศหนาวๆ ไปเดือน ธ.ค. – ม.ค.
- อยากไปดูดอกไม้ ล่าทางช้างเผือก ไปเดือน ก.พ. – พ.ค.
หากใครที่ชอบการผจญภัย พบเจอผู้คนใหม่ๆ อาจได้มิตรภาพเพิ่มมากขึ้น แนะนำให้ลองมาภูกระดึงสักครั้ง เพราะที่นี่ถือว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ได้หลายๆ เรื่องไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือแม้แต่คนรัก เขาก็จะมาพิสูจน์รักแท้กันที่นี่ทั้งนั้น ^^
หากใครที่ยังเดินไหวและมีแรงต้องมาจริงๆ และเชื่อได้เลยว่าไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน หรือจะชวนแอดมินไปพิสูจน์ความรักก็ได้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า
>> MADE by ปริญ <<
#ให้การเดินทางของคุณเป็นเรื่องมหัศจรรย์
#TravelWonders
สอบถามเพิ่มเติม
โทร : 02-525-2235 / 08-6318-0608
Facebook: Travel Wonders Co.,Ltd
Line: @travelwonders.th
Website: www.travelwonders.co.th
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08468