เที่ยวเมียนมาร์

เที่ยวเมียนมาร์ : ไปวัดกัน… แต่ไม่ต้องเอาไม้บรรทัดไปนะ เอาไปแต่กล้องถ่ายรูปก็พอ…. อ่ะจู่ๆ มาชวนไปวัดไปวาอย่าเพิ่งหนีหน้ากันไปไหน เพราะวัดที่บุษบาจะพาทุกท่านไปในครั้งนี้มันสวยตะลึงพรึงเพริศเลอเลิศพิศมัย จนอยากจะมีชีวิตอยู่ไปนานนนนนานนนนนขึ้นเลยค่ะ เพราะที่ๆบุษบากำลังจะพาไปคือประเทศเพื่อนบ้านผู้มีศรัทธาแรงกล้าในพุทธศาสนา …เมียนมาร์… บ้านใกล้เรือนเคียงที่แสนน่ารักของเรานี่เอง แล้วทุกท่านจะได้รู้ว่ามากกว่าทานาคา เมียนมาร์คือเพชรเม็ดงามที่ซุกซ่อนมุมถ่ายรูปที่สวยสะกด จนคนทั้งโลกต้องข้ามน้ำข้ามทะเล เอาตัวเองมานั่งดูเจดีย์ได้ทั้งเช้าทั้งเย็นขนาดนี้ ตามบุษบามาเลยค๊าเพราะจะพาไปเปิดหู เปิดตา เปิดสถานที่ลับๆ สำหรับการถ่ายภาพท่ามกลางวัดและเจดีย์สีอิฐที่จะทำให้ต้องคิดใหม่ว่าการชวนเข้าวัดครั้งนี้มันดีจริงๆ

หลังจากที่เมียนมาร์ได้ประกาศเปิดประเทศแล้ว ประกอบกับความประทับใจในภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ ไทย-เมียนมา ในเรื่อง “From Bangkok To Mandalay” ในช่วง ปี2016 มันยิ่งทำให้แอดมินอยากที่จะออกไปสัมผัสบรรยากาศนั้นด้วยตัวเอง 4 วัน 3 คืน กับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งแรกที่ เมือง มัณฑะเลย์ – พุกาม อังวะ ได้สร้างความตื่นเต้นให้บุษบาไม่น้อย สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เห็นช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม คนแปลกหน้าต่างถิ่น วิถีชีวิต วัฒนธรรม และความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ทุกอย่างถูกผสมรวมกันเกิดเป็นทริปเปิดโลกที่สร้างมุมมองใหม่ๆให้กับการเดินทาง

การเดินทางไปเมียนมาร์ในครั้งนี้สะดวกสบายมากๆไม่ต้องใช้วีซ่า บินตรงจากกรุงเทพ ดอนเมือง – มัณฑะเลย์ ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย ใช้เวลาไม่นานแค่ 1 ชั่วโมงนิดๆ ก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติมัณฑะเลย์แล้วค่ะ สำหรับการจองตั๋วเครื่องบินนั้น ทางทีมงาน ทราเวิล วันเดอส์ ก็มีแผนกตั๋วคอยให้บริการ สำหรับการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางทั่วโลกได้เลย สามารถติดต่อสอบถามผ่านช่องทาง Hotline หมายเลข 086-3180606 อุ๊ปส์!! แอบขายของหรือเปล่าเนี๊ย ถ้าไม่เชื่อก็ลองกดหมายเลขโทรออกดูกันนะค๊า อิอิ มาถึงแล้วเวลาเที่ยงตรงพอดี ตรงเวลาเป๊ะ! แต่ว่าเวลาท้องถิ่นของมัณฑะเลย์จะช้ากว่าประเทศไทยเรา 30 นาที เมื่อผ่านด่านตรวจออกมา เราก็จะเจอกับร้านแลกเงิน ร้านขายซิมการ์ด และบริษัทรถต่างๆ ซึ่งแอดมินได้แลกเงินเมียนมาร์ในสกุลเงิน Kyat หรือที่เราเรียกกันว่า จ๊าต จาก Super Rich ที่ไทยเรียบร้อย (แนะนำว่าให้แลกเงินจากไทยไปเลยจะดีกว่า เพราะเรทราคาที่สนามบินค่อนข้างแพง) เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นรถบัสและพร้อมออกเดินทางไปเยือนทั้ง 3 เมืองกันเลยค๊า  วันแรกนี้บุษบา จะพาทุกท่านนั่งรถข้ามเมืองไปนอนและเที่ยวที่ เมืองพุกาม  หรือ Bagan คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์ค ชื่อดังที่สำคัญของประเทศเมียนมาร์ เป็นเมืองโบราณที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก เมื่อเดือนกรกฏาคม 2562 ที่ผ่านมานี้เอง พุกามได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์  หรือ ดินแดนเจดีย์สี่พันองค์ สถานที่ที่มีความยิ่งใหญ่ด้วยวัดและเจดีย์เก่าแก่มากมาย ที่ดึงดูดให้เราไปสัมผัสความสวยงามด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต ให้สมกับประโยคที่อาร์โนว ทอยบี นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษได้กล่าวไว้ว่า…  “See Angkor Wat and die, See Bagan and live.” การได้เห็นนครวัดสักครั้งจะทำให้คุณตายตาหลับ…แต่การได้เห็นพุกามจะทำให้คุณอยากมีชีวิตอยู่…

เราใช้เวลาเดินทางจากมัณฑะเลย์ 4 ชั่วโมงกว่าก็ถึงพุกามแล้ว นอกจากจะได้ฟังไกด์ท้องถิ่นบรรยาย เล่าเรื่องต่างๆแล้ว วิว2ข้างทางระหว่างการเดินทางนั้นทำให้เราได้เห็นถึงความเป็นดั้งเดิมของเมืองที่แทบจะไม่มีการสร้างอะไรใหม่ขึ้นมา ซึ่งถือเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กับเมืองอีกด้วย เข้าเขตเมืองพุกาม มาถึงก็บ่าย4 โมงกว่าแล้ว ที่แรกที่บุษบาจะพาไปเที่ยวชมกันนั่นก็คือ Ananda Pagoda หรือที่เรียกว่า เจดีย์วิหารอนันดา หนึ่งในสถานที่ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากๆในเมืองพุกาม เป็นวัดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตยกรรมพุกาม โครงสร้างและสีภายนอกมีสีขาว ดูโดดเด่นและแปลกตา แตกต่างจากวัดอื่นๆในเมียนมาร์ หลบแดดร้อนจากด้านนอกเข้ามาเที่ยวชมภายในวิหารกันบ้าง ด้านในมีพระพุทธรูปยืนอยู่ทั้ง 4 ทิศ ในท่าทางที่แตกต่างกัน โดยแต่ละองค์มีความสูงกว่า 10 เมตร สีทองอลังการสวยงามมาก โดยเฉพาะองค์พระสัสสปะจะมีลักษณะพิเศษคือเวลายืนไกลๆจะเห็นองค์พระยิ้ม แต่ว่าพอเดินเข้าใกล้ๆจะกลายเป็นหน้าบึ้งแทน …

  Tip: การเที่ยววัดในเมียนมาร์นั้นนั้นมีข้อห้ามว่า ต้องถอดรองเท้า และถุงเท้า ทางที่ดีควรเตรียมรองเท้าแตะไปเพื่อความสะดวกนะคะ

เวลาใกล้ค่ำแล้ว คงไม่มีช่วงไหนเหมาะไปกว่านี้ กับการชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าท่ามกลางพื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยกลุ่มองค์เจดีย์ ที่นี่ก็คือ Khaymingha Pagoda หรือที่เรียกว่า เจดีย์เคมินก่อ ที่ๆทุกท่านสามารถขึ้นไปยืนอยู่บนเจดีย์และถ่ายภาพสวยๆกับวิวพระอาทิตย์ตก ที่ให้โทนสีอบอุ่นระหว่างอิฐกับแสงอาทิตย์ยามพรบค่ำอย่างลงตัว ไฮไลท์ของที่นี่คือช่วงฤดูหนาวจะได้มุมถ่ายภาพที่เห็นแสงอาทิตย์และบอลลูนหลากสีบนท้องฟ้าโดยมีทะเลเจดีย์อยู่เบื้องหน้าในคราวเดียว

Tip: ถ้าหากท่านใดอยากมาชมบอลลูน หรือมานั่งบอลลูนชมวิวทะเลเจดีย์ละก็ บุษบาแนะนำให้มาเที่ยวช่วงฤดูหนาวนะคะ ประมาณช่วงเดือน ต.ค. – มี.ค. จ๊า

khaymingha pagoda 6
htilominlo temple 3
khaymingha pagoda 5

เช้าวันต่อมาเมื่อมีที่ชมพระอาทิตย์ตกก็คงไม่พลาดที่จะมีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันใหม่ ที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเพื่อรอชมแสงอรุณที่ค่อยๆสว่างส่องมากระทบกับองค์เจดีย์ ที่นี่ก็คือ Sunrise view เนินเขาที่สามารถชมทั้งทะเลเจดีย์ และพระอาทิตย์ขึ้นไปพร้อมๆกัน มองจากจุดชมวิวนี้จะเห็นเจดีย์ที่โด่งดังของเมืองพุกามอยู่หลายองค์ เมื่อชมวิวกันเรียบร้อยแล้ว ที่ต่อไปที่บุษบาจะพาไปก็คือ Dhammayan Gyi Temple หรือที่เรียกกันว่า วิหารธรรมยางจี ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า วิหารธรรมยางจี เป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อการไถ่บาปของพระเจ้านรปติสิธู กษัตริย์เมียนมาในสมัยนั้น พระองค์สังหารพระบิดาและพระเชษฐาของตนเพื่อขึ้นครองบัลลังค์ แต่ต่อมาเกิดสำนึกผิดจึงได้สร้างเจดีย์นี้ เพื่อไถ่บาป แต่แล้วก็เหมือนถูกต้องคำสาป พระเจ้านรปติสิธูทรงสิ้นพระชนม์เสียก่อน ทำให้เจดีย์แห่งนี้สร้างไม่เสร็จ เจดีย์จึงถูกทิ้งไว้ในสภาพอิฐแดงเปลือยไม่มีการฉาบปูน และไม่มีจิตรกรรมภาพวาดฝาผนังเหมือนวัดอื่นๆ ถึงอย่างไรก็ตามวิหารธรรมยางจี ก็เป็นวิหารที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่และความชำนาญในการสร้างของช่าง ในสมัยนั้น ที่สามารถใช้อิฐเป็นล้านๆก้อนวางเรียงชิดกันได้อย่างแนบสนิท เสมือนว่าเป็นเนื้อเดียวกันได้ขนาดนี้…

        ระหว่างเดินทางไปสถานที่ต่อไปเกิดฝนตก เพราะบุษบาเดินทางไปในช่วงฤดูฝน ก็ต้องพกร่มเที่ยวกันละค่ะคราวนี้ !! และเราก็มาถึง Thatbyinnyu Phaya Temple หรือ เจดีย์สัพพัญญู เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในเมืองพุกาม สร้างโดย กษัตริย์อลองซีตู ซึ่งออกแบบด้วยศิลปะแบบปาละของอินเดีย ลักษณะของเจดีย์มีระดับจำนวน 5 ชั้น มีความสูงถึง 61 เมตร ด้วยความที่เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุด จึงเป็นอีกหนึ่งที่ที่ผู้คนมักจะมา ดูพระอาทิตย์ตกดินกันที่นี่แต่ปัจจุบันนี้ไม่อนุญาตให้ปีนขึ้นไปด้านบนแล้ว เหตุเนื่องจากการเกิดรอยร้าวนั่นเอง ด้านในเจดีย์สัพพัญญูมีพระพุทธรูปทั้ง 4 ด้าน บริเวณบานประตูแต่ละด้านถูกปิดด้วยกรงเหล็กรอบๆ นอกเจดีย์ก็จะมีเหล่าช่างฝีมือที่ชำนาญในการวาดภาพแต่งเต้มสีบอกเล่าเรื่องราวของประเทศเมียนมาด้วยลวดลายต่างๆอย่างตั้งใจ

Tip : ใครที่สนใจภาพวาด และอยากหาซื้อเป็นของฝาก ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่รวบรวมผลงานที่น่าสนใจไว้เยอะเลยทีเดียวค๊า

นั่งรถต่อมาสักพักก็มาถึง Htilominlo Pagoda หรือ
เจดีย์ติโลมินโล เป็นเจดีย์องค์สุดท้ายที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรม
แบบพุกามขนานแท้ โดยพระเจ้าติโลมินโลได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พระเจ้านรปติสิธู พระราชบิดา ในพิธีการเสี่ยงฉัตรทายราชบุตรเพื่อสืบราชบัลลังค์แทน ด้านในเจดีย์ติโลมินโลค่อนข้างเงียบสงบและมีความสวยงาม ความเก่าแก่ของจิตรกรรมฝาผนัง
ให้เราได้เห็นตลอดทางเดิน นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปประจำ
อยู่ทั้ง 4 ด้าน ในแต่ละทิศของเจดีย์อีกด้วย

เป็นยังไงกันบ้างคะ แค่พุกามเมืองเดียวที่เที่ยวยังเยอะขนาดนี้ แน่นอนว่าเรื่องราวการเดินทางยังไม่จบ บุษบายังมีเรื่องราวของเมืองมัณฑะเลย์ และเมืองอังวะ รอให้ทุกท่านได้อ่านกันต่อในตอนถัดไป อย่าลืมติดตามอ่านตอนต่อไปทางบล็อกท่องเที่ยว ผ่านทางเว็บไซต์ www.travelwonders.co.th ที่จะพาไปเยือนเมียนมาร์ถึง 3 ตอนกันเลยทีเดียวค๊า

อยากให้ทีมงานทราเวล วันเดอส์ พาไปเยือนที่ไหน สามารถติดต่อสอบถามมาได้ตามช่องทางนี้เลยค๊า

Website : www.travelwonders.co.th
Line : @travelwonders.th
Facebook : Travel Wonders Co.,Ltd
โทร : 02-525-2235 / 08-6318-0608
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08468

“แอดมินบุษบา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *