มิง กะ ลา บา . . . หลังจากตอนที่แล้วบุษบาได้พาทุกท่านไปเที่ยวชมเจดีย์ที่สำคัญต่างๆของเมืองพุกามกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ทำให้ทุกท่านได้เห็นความงดงามของมรดวัฒนธรรมที่ยังคงความเป็นดั้งเดิมของชาวพุกาม
แต่ก่อนจะเดินทางออกจากเมืองพุกามนั้นคงต้องห้ามพลาดที่จะไปเยือน 1 ใน 5 มหาสถานบูชาสถานสูงสุดของเมียนมาร์ที่เหล่านักแสวงบุญต่างต้องพากันมาเยือน ซึ่งถือว่าเป็นพระมหาเจดีย์ที่สำคัญเป็นอันดับสองรองจาก ชเวดากอง ในกรุงย่างกุ้ง เป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวเมียนมาร์และชาวไทย ตั้งอยู่เมืองพุกาม
โดยชื่อ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon Pagoda) หรือเจดีย์ทองแห่งชัยชนะ ที่เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำนี้ถูกสร้างขึ้นนานกว่า 960 ปีมาแล้ว โดยพระเจ้าอโนรธามังช่อ และมีความเชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระเขี้ยวแก้วและพระสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากลังกาทวีป เลยจัดเป็นเจดีย์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเมียนมาร์
เมื่อเดินวนรอบๆตอนช่วงที่บุษบาไปนั้นจะพบว่ามีมุมหนึ่งของจุดสักการะเจดีย์จะมีคนมุงมากเป็นพิเศษ เพราะเป็นจุดที่มีแอ่งน้ำเล็กๆนองอยู่ และภายในแอ่งน้ำนั้นจะเห็นเงาสะท้อนขององค์เจดีย์ได้แบบชัดเจนเต็มองค์ แต่ถ้าจะถ่ายติดเต็มองค์ต้องใช้มือถือถ่ายเท่านั้นนาจา กล้องใหญ่หมดสิทธิจ้า หรือมองด้วยตาเปล่าก็เห็นชัดเจนอยู่ สำหรับมุมเก๋กู๊ดภายในวัดที่บุษบาแนะนำว่าต้องห้ามพลาดเลยก็จะเป็นซุ้มทางเดินวัดที่ทอดเป็นแนวยาว กำแพงสีขาวมีเสาเป็นช่องแบ่งหากมาตอนกลางวันจะมีแสงลอดผ่านเข้ามาตรงช่องทางเดิน เหมาะแก่การมาเดินพริ้วๆ หมุนตัวเบาๆ พอให้เหมาะสมกับสถานที่รับรองเจิดจรัส ลงโซเซียลแล้วปั๊วะเว่อร์แน่นอนจ้า
Tip : บริเวณทางเข้าวัดจะมีตลาดขายของที่ระลึกมากมายให้เหล่าผู้มาเยือนได้เลือกซื้อหาเป็นของฝากติดไม้ติดมือกลับไปกันด้วยแหละ
เมื่อออกจากมหาเจดีย์ชเวสิกองแล้วก็เตรียมพร้อมเดินทางไปยังเมืองมัณฑะเลย์กันเลยจ๊า แน่นอนว่าตอนมานั่งรถมา4ชั่วโมงกว่า ก็ต้องนั่งรถกลับเหมือนเดิมนะจ๊า ฮ่า ฮ่า แต่ขากลับเราไม่เบื่อแน่นอนเพราะบุษบาจะพาทุกท่านไปแบบชิวๆ เจออะไรน่าสนใจก็แวะดูกันหน่อย อิ อิ…ขึ้นรถมาสักพักก็มาเจอกับ เจดีย์เมี๊ยะเซดีย์ (Mya Zedi Pagoda) หรือเจดีย์มรกต (Emerald Stupa) เป็นหนึ่งในเจดีย์เก่าแก่ท่ามกลางทะเลเจดีย์แห่งเมืองพุกาม และถือเป็นเจดีย์เพียไม่กี่แห่งที่ยังคงได้รับการบูรณะให้มีสีทองอร่าม และตั้งอยู่อย่างโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มเจดีย์อื่นๆในบริเวณเดียวกัน เจดีย์เมี๊ยะเซดีย์สร้างขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 12
โดยเจ้าชายราชากุมาร์แห่งราชวงศ์พุกาม โดยหลังจากที่มารดาของเจ้าชายซึ่งมีสถานะเป็นราชินีได้เสียชีวิตลง เจ้าชายราชากุมาร์จึงได้ถวายเครื่องเพชรทั้งหมดของมารดาเพื่อสร้างเจดีย์เมี๊ยะเซดีย์ขึ้นเป็นอุนสรณ์สถาน จุดสำคัญของเจดีย์นอกจากเรื่องความสวยงามและความเก่าแก่แล้ว ภายในตัวเจดีย์ยังมีหินสลักที่มีตัวอักษรจารึกไว้ด้วยภาษา 4 ภาษาคือภาษาปยู, มอญ, พม่าสมัยเก่า และบาลี ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญในด้านประวัติศาสตร์และภาษาของเมืองพุกามในอดีตและได้ขึ้นทะเบียนรับรองจาก UNESCO เมื่อปี 2015 อีกด้วยค๊า
ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจของพุกาม ซึ่งบุษบารับรองว่าทุกท่านไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแน่นอน เพราะที่ที่บุษบาจะพาไปนั้นต้องบอกเลยว่าน่าอึดอัดเหลือเกิน กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจไปอีกหนึ่งที่สำหรับการเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองพุกาม
แล้วเราก็เดินทางมาถึง วิหารมนูหะ (Manuha Phaya Pagoda) ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นวิหารที่ใครหลายๆคนต้องตามไปดูความอึดอัดของพระพุทธรูป หรือจะเรียกว่า “พระอึดอัด” นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก เพราะคงไม่มีที่ไหนอีกแล้วที่สร้างพระพุทธรูปให้ได้น่าอึดอัดขนาดนี้ ภายในพระวิหาร นั้นประดิษฐานพระพุทธรูปอยู่ 3 องค์ ซึ่งองค์พระพุทธรูปนั้นมีขนาดใหญ่มโหฬาร บริเวณ “พระอุระ” ของพระพุทธรูปมีขนาดโตพองจนรู้สึกได้ถึงความอึดอัดที่ทับถมในจิตใจของพระเจ้ามนูหะ กษัตริย์มอญที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยศักดิ์อยู่ที่เมืองพุกามพร้อมมเหสี หากเดินเข้าไปตามช่องว่างระหว่างวิหารกับพระพุทธรูปแล้ว จะพบกับพระพุทธรูปปางไสยาสน์อีก
2 องค์ ซึ่งก็ขนาดใหญ่โตไม่แพ้กัน จนทำให้วิหารดูคับแคบลงไปถนัดตาเช่นกันค่ะ อะไรจะปานนั้น…! บุษบายังมีเรื่องราวจากปากไกด์ ในพม่าได้บอกเล่าว่า ถ้ามองพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ในระยะไกลๆ คือ จากด้านพระบาทของพระพุทธรูปไปยังพระพักต์ จะเห็นเหมือนพระพุทธรูปแย้มพระสรวล (ยิ้ม) แต่เมื่อเดินไปใกล้ๆจะเห็นเหมือนพระพุทธรูปทรงพระกรรณแสง (ร้องไห้) สะท้อนให้เห็นถึงกษัตริย์ผู้สร้าง คือ พระเจ้ามนูหะกษัตริย์มอญที่ถูกจับตัวมาเป็นเชลยนั่นเอง หืมมมมดูเหมือนข้อมูลประวัติศาสตร์จะแน่นไปละ แน่นอนว่าข้อมูลยังไม่หมดเพียงเท่านี้หรอกค่ะ
ถ้าอยากรู้ลึกกว่านี้ละก็ต้องมาทัวร์กับทราเวิลวันเดอส์ แล้วละค๊า ไปถีงที่สนุกกว่าแน่นอน !!!! ( แอบโปรโมทบริษัทอีกแล้วจ๊า แฮร่. . . เผื่อเจ้านายจะให้ค่าคอมมิชชั่นบุษบาเพิ่มน๊า คริ คริ )
ระหว่างการเดินทางไปมัณฑะเลย์บุษบาขอพาทุกท่านไปซื้อของฝากสักเล็กน้อยจากเมืองพุกามกันสักหน่อย ต้องขอบอกเลยว่าที่นี่ นอกจากจะได้เลือกซื้อของฝากแล้ว ยังได้เห็นขั้นตอนวิธีการทำกันด้วยนะคะ และยังเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศเมียนมาร์เลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ เครื่องเขินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างจากของประเทศอื่น คือมีการออกแบบตกแต่งสไตล์เมียนมาร์
โดยการตกแต่งแบบยูนเถ่ หรือ ที่เรียกว่าการขูดผิวและถมสี การลงรักปิดทอง การประดับด้วยกระจก ซึ่งการตกแต่งเหล่านี้ทำให้เครื่องเขินของเมียนมาร์นั้นดูแตกต่างจากของประเทศอื่น มาที่ร้านนี้เลยค๊า ร้าน U Ba Nyein Lacquerware Workshop ที่นี่แบ่งเป็น 2 โซนคือ โชว์รูมขายสินค้า กับโซนที่เป็นโรงงานผลิต ซึ่งเราก็สามารถเข้าไปดูได้ถ่ายรูปได้นะคะ
Tip : สินค้าที่นี่จะขายในสกุลเงินดอลลาร์เท่านั้นนะคะ ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ราคาสูงปรี๊ดดดดด ไปเลยแม่!!!!!!
อ่ะ มาถึงมัณฑะเลย์ก็ตกเย็นแล้วบุษบาขออนุญาตพาทุกท่านแวะไปเที่ยวอีกสักที่นึงให้พอหอมปากหอมคอ ให้รู้ว่ามาถึงมัณฑะเลย์แล้วน๊า ที่นี่ถือว่าเป็นหนึ่งสถานที่ที่สำคัญของมัณฑะเลย์ ที่ไม่มาไม่ได้!! ที่นั้นก็คือ วัดกุโสดอว์ (Kuthodaw Pagoda) ที่นี่ได้รับว่าเป็นมรดกโลก เป็นพุทธสถานที่มีความสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นอนุสรณ์สถานของการทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 4
โดยพระเจ้ามินดงทรงให้จารึกพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ ลงบนหินอ่อนจำนวน 729 แผ่น ซึ่งถือว่าเป็นพระไตรปิฏกที่ใหญ่ที่สุดในโลก และนำไปประดิษฐานในมณฑปสีขาวที่รายล้อมอยู่รอบๆ พระเจดีย์มหาโลกมารชิน ที่จำลองรูปแบบมาจากเจดีย์ชเวสิกองของเมืองพุกาม ภายในวัดกุโสดอว์ค่อนข้างกว้างและเงียบสงบ เราเดินเที่ยวชมรอบๆจนทั่ว ก็ได้พบกับมุมถ่ายรูปยอดนิยม นั่นคือบริเวณตามช่องทางเดินของมณฑปสีขาวที่สร้างเรียงรายครอบหินจารึกภาษาบาลีนั่นเอง
Tip : มาที่นี่ถ้าอยากได้ภาพสวยๆกลับไปละก็บุษบาแนะนำว่าต้องใส่ชุดเดรส หรือจะเป็นกระโปรงพริ้วๆ ที่สะบัดทีได้รูปมาแบบเก๋ๆเลยค่ะ ที่สำคัญถ้าเป็นชุดเดรสสีสดแจ่มๆยิ่งทำให้ภาพที่ออกมาสวยยิ่งขึ้นไปอีกค๊า
และก่อนที่จะพบกันในตอนถัดไปนั้น บุษบาขอแนะนำที่พักในเมืองมัณฑะเลย์ ที่สามารถเห็นวิว 360 องศา สวยๆ และมีบาร์ นั่งชิลบนดาดฟ้าชมวิวเมืองมัณฑะเลย์ยามค่ำคืนได้อีกด้วย Hotel Yi Link ที่พักพร้อมอาหารเช้า ระดับ 3 ดาวตั้งอยู่ใจกลางเมือง สะดวก สบาย อาหารอร่อย
บอกต่อแล้วน๊า ต้องมาเที่ยวกันแล้วละ อิ อิ พักผ่อนเก็บแรงไว้ให้พร้อม ตอนต่อไปบุษบาจะพาไปนั่งรถม้าเยือนเมืองอังวะ และชมสถานที่สวยๆของมัณฑะเลย์อีกหลากหลายที่
ถ้าไม่อยากพลาดความสนุกกันละก็. . . to be continued na ka