Hola… กลับมาอีกครั้งหลังจากปล่อยให้น้องๆ นำสมาชิกคณะอื่นไปท่องเที่ยวยังแถบ AEC นครวัด-นครธม ส่วนตัวผม “ชูใจ” ก็ได้ไปเติมฝันเพื่อชวนท่านไปเที่ยวกับเส้นทางใหม่ๆ 10 วัน 7 คืน กับ 7 มรดกโลก 4 ประเทศ!!

ว่าแต่เมืองไทยทั้งประเทศมีมรดกโลก 6 แห่งก็ว่าเยอะแล้ว นี่ 7 คืน 7 แห่ง เป็นไปได้เหรอ? เอาเป็นว่าเดี๋ยวชูใจรีบพาสมาชิกไปหาคำตอบ พร้อมเหินฟ้าสู่ “แดนกระทิงดุ ณ เมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน” กับฉายาที่ว่า “เส้นทางชวนฝัน… ชวนกันไปเที่ยวSpain-French Riviera ฝรั่งเศสตอนใต้”

Let’s Go!!!

>> Day 1 อ๊ะอ๋า… การเดินทางครั้งนี้ตัวชูใจเองก็ลังเลพอสมควรว่าจะใช้บริการของสายการบินไหนดี แต่อยู่ๆ ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่ามีสายการบิน Qatar Airways ด้วยนี่หน่า… OMG! สายการบินอันดับ 1 ของโลก ได้ยินแบบนี้ในใจคิดไว้แล้วว่าต้องราคาสูงมากแน่ๆ แต่คุณพระช่วย! ราคาใช้ได้เลย ไม่แพงมาก และเครื่องก็ดีเวอร์ 5 ดาวนะจ้ะ #เป็นบุญตูดก็คราวนี้ อิอิ เมื่อถึงวันเดินทางก็เชิดหน้าเข้าไว้ หุหุ (ในใจคือพรึมพรำว่าสายการบินอันดับ 1 อยู่ประมาณ 100 รอบ) และแล้วก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง สิ่งที่เดียวที่ทำได้ระหว่างนั่งบนเบาะนุ่มๆ คือ คร่อก..ฟี๊.. Zz…!

เวลาผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงใสๆ ของแอร์ที่ปลุกให้เราตื่น และใกล้ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว หลังจากที่ลงเครื่องปุ๊ปก็ได้เปลี่ยนยานพาหนะเป็นรถบัสพร้อมมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองทันที ระหว่างทางก็พบเจอบ้านเรือนของผู้คนมากมาย แต่อยู่ๆ รถก็พาเรามาถึงสถานที่แรก ณ สนามแคมป์นู ทีมบาร์ซ่า ที่สายการบินกาตาร์เป็นผู้สนับสนุนหลักกันหน่อย

โอ้โห…! ยิ่งใหญ่สมเป็นทีมอันดับ 1 ของโลกจริงๆ มาถึงถิ่นเขาทั้งทีการจะถ่ายรูปทั่วทุกมุม และสัมผัสกับพื้นหญ้าคงจะไม่เสียหายสักเท่าไหร่ ^^ เดินเล่นไปมาสายตาก็มาสะดุดกับเสื้อทีมฟุบอลของจริง ย้ำว่าของจริง! สนนราคาอยู่ที่ 90 ยูโร ไม่รอช้าจัดมาสักตัวเล๊ย… แหม! รู้สึกเป็นเกียรติต่อวงศ์ตระกูลสุดๆ (จตุจักร 250 บาทบอกแพง 555 สมน้ำหน้าตัวเอง) เอาล่ะเดี๋ยวไม่ได้ไปที่อื่น จากนั้นเราก็เข้าชมมรดกโลกที่แรก คือ ซากราด้า ฟามิเลีย ว่าก็ว่าเถอะ! โบสถ์ทั่วโลกก็เหมือนๆ กัน แต่ที่นี่เป็นการออกแบบที่แปลก งดงาม และถือเป็นยุคใหม่ เอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร

โดยมีช่างนามว่า “เกาดี้” สุดยอดสถาปนิกในช่วง 150 ปีก่อนเขาออกแบบเอาไว้ แต่เรายังมิหนำใจเลยนำพาคณะไปดูบ้านที่เกาดี้ได้รังสรรค์ไว้อย่างงามขนาด งามจนได้มรดกโลกแห่งที่ 2 เดินไปเดินมาท้องอันน้อยๆ ก็เปล่งเสียงออกมาด้วยความหิวโหย ก็เลยต้องตามใจท้องสักหน่อย อิอิ ช่วงบ่ายจะเป็นโปรแกรมเบาๆ เน้นถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ สนามโอลิมปิก ต่อด้วยสิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ช้อปปิ้ง ของโปรดของใครหลายๆ คน พูดไม่ทันขาดคำคณะเราก็กระจุกตัวอยู่ที่ Zara อันนั้นก็ถูก นี่ก็ถูก ชวนคนยืนคอยไปซื้อต่อ เรียกว่าวันแรกก็ช้อปกันหนักพอสมควรเลยทีเดียว เอาเป็นว่าวันนี้ขอพักผ่อนก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปเที่ยวเมืองที่ต้องบอกว่าสวยมาก… Good Night เด้อ ^^

>> Day 2 อรุณสวัสดิ์เช้าวันรุ่งขึ้นนั่งรถยาวๆ เตรียมตัวเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส ไปสเปนแค่วันเดียว? หลายท่านคงสงสัย… แน่นอนครับแค่วันเดียวไม่มีทางเที่ยวครบแน่นอน แต่ก็ถือว่าได้เก็บสถานที่ไฮไลท์ของสเปนได้เยอะเลยทีเดียว เอาเป็นว่าหากมีโอกาสหน้าเดี๋ยวมาเจาะลึกสเปนอีกครั้งนะ ส่วนคราวนี้ให้เป็นหน้านที่ของฝรั่งเศสตอนใต้กันต่อไปครับโผม…

หลังจากนั่งรถกินลมชมวิวมาประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึงเวลาผ่อนคลายแวะเที่ยวเมืองผ่านอย่าง คาคาร์ซอง ห๊ะ! แค่ผ่านหรอ? ไม่ใช่นะ เมืองนี้ต้องอยู่ตอนจบทริปต่างหาก ใจเย็นๆ นะครับทุกท่าน ดูไม่ออกเลยว่าอยากมาจริงๆ อิอิ เอาตรงๆเมืองนี้ได้รับการโหวตจากสมาชิกว่าประทับใจมาก..จนให้ TOP 3 ไปเลยจ้า #ปรบมือรัวๆ แถมที่นี่ยังเป็นมรดกโลกแห่งที่ 3 ซึ่งถูกฝังอยู่กลางเมืองเล็กๆ ออกแบบเป็นป้อมปราการขนาดใหญ่ ช่วงสงครามครูเสดในสมัยก่อน เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึกน่ารักเยอะแยะไปหมด หลายท่านถึงกับขอหยุดเวลากับเมืองนี้พักใหญ่ๆ และแน่นอนว่ามีมุมถ่ายภาพมากมาย นี่สินะที่เขาเรียกว่า #ดีต่อใจ เอาล่ะ..

เดินทางต่ออีกนิด เพราะค่ำคืนนี้เรานอนกันที่ มองเปลีเย่ร์ เย๊..เย.. Zz..

>> Day 3 บองชูร์…คำทักทายสู่วันใหม่ ณ ฝรั่งเศส แต่ที่มากไปกว่านั้นคือทาง Travel Wonders ได้เลือกโรงแรมที่ไม่ว่าจะก่อนเข้านอน หรือตื่นเช้ามาก็สามารถเดินเล่นกลางเมืองมองเปลีเย่ร์ได้เลย สุดยอด… เดินเล่นไปมาไม่นานก็มาถึงแล้วสำหรับมรดกโลกแห่งที่ 4 โบสถ์แซ็ง-ปิแยร์ เจอปุ๊บยังกะเจอสาว เพราะโดนเรากระหน่ำภาพไม่ยั้งก่อนเราจะจากไปแบบไม่ใยดี (อ่าวๆ เริ่มไม่ใช่ละ 555)

จากนั้นก็เดินทางสู่ อนุสาวรีย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 วันนี้ทำบุญมาดีท้องฟ้าเป็นใจ ไม่มีเมฆ แถมอากาศก็ 10 องศานิดๆ โอ้… #ชีวิตดี๊ดี (ตอนนั้นเป็นช่วงเดือนพฤษภาคมนะครับ ^^) นอกจากนี้ยังมีปาตัน พันธุ์ไม้ที่มีลักษณะใบเหมือนเมเปิ้ล ลำต้นสูงเสมอกันตัดเป็นช่องทางให้เราได้เก็บภาพงามๆ 2 ชั่วโมงเต็มๆ ก่อนจะอำลาเมืองนี้ สมควรแก่เวลาพร้อมนั่งรถต่อสู่ เมืองนีมส์ (ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมง) เมืองทางภาคใต้ของฝรั่งเศสที่ถือว่าเก่าแก่อีกเมืองหนึ่ง ไปเมืองไหนก็ต้องไปดูจุดเด่นของเมืองนั้น เช่นเดียวกันกับที่นี่ เพราะชูใจจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับ สนามสู้วัวกระทิง ที่เต็มไปด้วยความอลังการ ไม่แพ้โคลอสเซียมที่โรมเลย… หลังจากกลับขึ้นมาบนรถก็เห็นเลยว่าสมาชิกเริ่มรู้สึกเมื่อยล้า ฮั่นแน…

ชูใจใจดีขอจัด Macaron ให้คนละชิ้น เติมความหวานให้ร่างกายสักนิด ชื่นใจ๊..ชื่นใจ.. // By the Way… เส้นทางนี้เดินทางเมืองต่อเมืองไม่ไกลเลย หากใครที่ไม่ชอบเมืองแออัดวุ่นวาย เส้นทางนี้ตอบโจทย์ครับ #ชูใจแนะนำ ^^ “ห๊ะ! อะไรนะมรดกโลกอีกแล้ว” ใช่แล้วครับ ที่นี่คือเมืองเก่าอาวีญง มรดกโลกแห่งที่ 5 ของทริป อาวีญงอดีตเคยเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาหลายองค์ แถมสิ่งก่อสร้างภายในยังเต็มไปด้วยความอลังการงานสร้าง แต่ลูกค้าคณะนี้บอก “ชูใจ พอก่อน พี่ขอช้อปบ้าง…” อ้อนสะขนาดนี้จะกล้าขัดได้อย่างไรเชียว จัดเลยจ้า!!

เสน่ห์ของเมืองนี้สำหรับคนไทยเรา กลับกลายเป็นว่าของฝากที่ต้องซื้อ ผ้ากันเปื้อน ผ้าเช็ดตัว น้ำหอม ถึงแม้จะดูเป็นของธรรมดาแต่ดันไม่ธรรมดาตรงที่ทุกชิ้นติดตราโพรวองซ์จ้า… คนละถุง 2 ถุง เต็มที่กันไปเลย #เอาที่สบายใจครับ! ^^ ไปต่อๆ นั่งรถสักนิดไม่กี่นาทีก็มาพบกับจุดชมวิว เมืองเลโบ เดอ โพรวองซ์ สิ่งก่อสร้างอาคารบ้านเรือนเป็นภูเขาหิน สวยแปลกตา คล้ายราวกับว่าอยู่ตะวันออกกลาง

แต่! ไฮไลท์อยู่ที่นี่ เพราะหลายสำนักยังรีวิวไม่ถึงเลยกับ Carrieres de Lumieres พิพิธภัณฑ์ศิลปะโดดเด่นด้วยภูเขาหินทั้งแท่ง ภายในจัดเป็นโถงกว้าง ประดับด้วยภาพศิลปินชื่อดังของยุโรปในอดีต ไม่ว่าจะเป็น ดาวินชี, ไมเคิลแองเจลโล หรือราฟาเอล มาจัดแสดงไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ขอบอกจากใจจริงชูใจชอบโปรแกรมนี้มากที่สุด ทั้งดูแปลกใหม่ แถมลูกค้าก็เพลิดเพลินกับภาพของศิลปินอย่างอิ่มเอิบ ก่อนจะถึงเวลาเข้าที่พัก ณ เอ็กซ์ ออง โพรวองซ์

>> Day 4 วันถัดมาสู่กลางเมือง เอ็กซ์ ออง โพรวองซ์ แต่ต้องขอบอกก่อนว่าวันที่เรามาชนกับวันแรงงาน หลายๆ ที่หยุดตามกันไป (แอบเสียดายนิดๆ) แต่เราหาได้แคร์ไม่! เพราะยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์ หรือเดินเล่นตลาดก็ได้อรรถรสไปอีกแบบเช่นกัน แม้จะผิดหวังกับร้าน L’Occitane ที่ดันร้านปิด แต่มองในแง่ดีเราก็ได้ชมเมืองดูบ้านเรือนได้สนุกขึ้น ที่นี่ความสำคัญคือ ถนนมิราโบที่ยาวกว่า 800 เมตร มีประวัติความเป็นมาที่น่าหลงใหลตรงที่อดีตศิลปิน นักวาด “ปอลเซซาน” ขณะอาศัยที่เมืองนี้ได้มาชิมกาแฟครั้นที่เป็นศิลปินชื่อดัง (ภาพวาดของเขา ไกด์ท้องถิ่นให้ดูราคา 200 กว่าล้านต่อ 1 ภาพ คุณพระช่วย! ยังไม่หมด เพราะยังคงอันดับ 1 ของโลกจนถึงปัจจุบัน) มาถึงถิ่นทั้งทีมีเหรอเราจะไม่จัด ชูใจหน้าใหญ่ (ปกติก็อืดเต็มจออยู่แล้ว) ขอบริการกาแฟ/โกโก้ร้านดังกว่า 150 ปี เรียกว่าการทำทัวร์ของ Travel Wonders จะให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายมากที่สุด ไม่ใช่นั่งรถยาวๆ อย่างเดียว “เร็วครับ! ไม่ทันแล้วครับ!” ไม่ได้เด็ดขาด…

ฉะนั้น! นโยบายของเราจะชัดเจนไม่อัดโปรแกรมแน่นเป็นปลากระป๋อง แล้ววิ่งชะโงกทัวร์ แน่นอนครับเคยทำมาแล้ว และก็โดนด่ามาแล้วด้วย พอขึ้นรถจากร้านกาแฟเท่านั้นแหละ ลูกค้าปรบมือรัวๆ ให้ทั้งคันรถ ผมนี่…ได้หน้าเลย (ยิ้มแล้วยิ้มอีก เก๊กหล่อเข้าไว้) ^^

ฮะโหล โป่ง..โป๊ง.. ขออนุญาตปลุกสมาชิกยืดเส้นยืดสายสักนิด หลังจากเดินทางมา 2 ชั่วโมง รถบัสก็พาเราสู่ เมืองคานส์ ว้าว..ว้าว..ว้าว..!

มาถึงแล้วก็ต้องเอาซะหน่อย >>วัดรอยมือกับดารา ถ่ายภาพกันจนสาแก่ใจ ช้อปปิ้งกันเล็กน้อย เดินเลียบชายหาดริเวียร่า แล้วแวะทานหอย Mussels เข้ากันมากๆ (หอยแมลงภู่) ใช้มือแกะทานกันเลย<< เรียกได้ว่าใครมาที่นี่ก็ต้องลองมาทานกันก่อนจะเข้าสู่ เมืองนีซ ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ผมแนะนำเลย ใครไปให้พักริมชายหาดนู้ด แล้ว Check in เร็วหน่อย อากาศดีๆ วันไหนมีแดดมาดูต้นตำรับการอาบแดดกัน (ผมนี่เพลินเลยครับ แต่ละคนตัวขาวๆ ผมยาวๆ นมใหญ่ๆ กลางคืนนั่งดื่มกับลูกค้ากึ่มๆ ได้ที่ ทำไมกลายเป็น ผมขาวๆ นมยาวๆ ตัวใหญ่ๆ 555 ล้อเล่นนะครับ ^^)

>> Day 5 ตื่นมาพร้อมกับเช้าวันใหม่ หลังจากเติมพลังกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คณะของเราก็ได้เก็บบรรยากาศใน เมืองนีซ กับ ย่านถนน Promenade des Anglais ณ จุดนี้เรียกได้ว่าเบาตัวกันไปพอสมควรทั้ง Prada / Longchamp / Louis Vuitton / Gucci เก็บมาท่านละใบ 2 ใบ #สบายใจฉ่ำ โหล..โหล.. วันนี้แล้วสินะกับ “เส้นทางสายโรแมนติก Monaco-Italian Riviera” จากนีซ นั่งรถไม่ไกลสู่ หมู่บ้านน้ำหอมเมืองเอซ (Eze) ที่มีเอกลักษณ์ในเรื่องของการนำหินภูเขามาสร้างบ้าน โห.. #ทำได้ไงไร้ที่ติ ถือว่าพลาดไม่ได้ด้วยทุกประการ ถัดไปอีกไม่ไกลลัดเลาะเขาริมทะเลสู่ ประเทศโมนาโก

แน่นอนครับพูดถึงที่นี่แล้วต้องหาหนังเรื่อง “Grace of Monaco” แนะนำว่าดูก่อนไป จะเข้าถึง อินและฟินแน่นอน (ชูใจชอบ..ชอบ..) จากนั้นก็เข้าชม ปราสาทปาเล เดอ แปรงซ์ (Prince’s Palace of Monaco) ที่ประทับของราชวงศ์ที่ดูเรียบง่าย แต่ภายนอกดูหรูหราบนยอดเขาเดอะร็อค (ตามภาพเลย) เอาจริง…วิวสวยมาก ภูเขาหินที่เลาะเป็นชั้นๆ หากได้นั่งจิบชาหรือกาแฟคงจะดี (ส่วนคาสิโนคณะของชูใจขอผ่าน) เตรียมตัวเดินทางข้ามพรมแดนสู่… เมืองเจนัว ประเทศอิตาลี เมืองนี้อาจไม่คุ้นหู แต่เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของมาร์โคโปโล (ทุกคนอ๋อ…แน่นอน) เพื่อเพิ่มกลิ่นไอความเป็นอิตาลีก็ขอลองชิมสปาเก็ตตี้ร้านดังสักหน่อย

แหม… ของท้องถิ่นมันดีอย่างนี้นี่เอง ถัดไปสักนิดเดินทางประมาณ 40 นาที ก็ถึง เมืองพอร์ตโตฟิโน ภูมิภาคที่มีอากาศเย็นตลอดปี ให้ลองจินตนาการถึงเวนิซ หลับตาลงมีคลื่นทะเลนิดๆ แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากนัก สำหรับจุดนี้ทุกท่านสามารถเดินเล่นชมเมือง ชมโบสถ์ ถ่ายภาพกับความน่ารักของเมืองที่ตกแต่งบ้านโทนสีลูกกวาดสดใสตัดกับพื้นน้ำใสดั่งแก้ว ย้ำอีกทีใสดั่งแก้ว!! โหย…ฟินจนแทบไม่อยากกลับ ชูใจใจดีอีกแล้วครับท่านจัดมักกะโรนีสูตรเด็ด ตามด้วยไวน์แดงคนละแก้วริมทะเล หือ…จริงแท้ แน่นอน! (Travel Wonders ของเราอาจไม่ใช่ทัวร์ราคาถูกมาก แต่ทำแล้วทำต่างครับ อยากให้ทุกท่านได้ลิ้มลอง ชูใจและทีมงานจะจัดให้อย่างอร่อยเลย)

เริ่มพลบค่ำก่อนข้ามไป เมืองลา สเปเซีย (La Spezia) เมืองการค้าทางตอนเหนือของอิตาลี แวะเดินเล่นในเมืองริมท่าเรือก่อนวันรุ่งขึ้น อีกหนึ่งมรดกโลกที่ชูใจกระซิบบอกทุกท่านที่ไปโรม/เวนิช/ฟลอเร้นซ์/ปิซ่า/นาโปลี/เวโรน่า มาแล้วลองพิจารณาเมืองนี้นะครับ 

>> Day 6 อรุณสวัสดิ์เช้าวันใหม่กับมรดกโลกแห่งที่ 6 ของทริปนี้ ซิงเคว เทเร่ (Cinque Terre) แปลว่า 5 หมู่บ้าน ใช่แล้วครับชูใจจะพาเปลี่ยนบรรยากาศใช้รถไฟเที่ยวเมืองมรดกโลกแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งของอุทยานฯ ลองมโนภาพตามผม ไม่มีรถยนต์ ปราศจากมลพิษ คิดไอเดียได้ดี รถไฟเชื่อม 5 หมู่บ้านซึ่งแต่ละที่งามแตกต่างกันออกไป ต้องไปให้ครบนะครับ ชูใจไม่พูดบรรยายอะไรมาก ให้แต่ละภาพตอบแทนความสงสัย แต่ที่ห้ามพลาดคือหมู่บ้านที่ 2 มานาโรลา (Manarola) เสน่ห์ของหมู่บ้านนี้คือชะง่อนหินตัดกับบ้านริมผาที่คนช่างรังสรรค์ออกมา ยิ่งไปกว่านั้นหากได้ชิมไอติมเจลาโต้ไปด้วย อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงเลย…

ก่อนกลับแวะจิบกาแฟ เอสเพรสโซ่ / คาปูชิโน่ / มอคค่า แบบต้นตำรับ มีท่านหนึ่งสั่งเอสเพรสโซ่เย็น หวานน้อย “เอ่อ… พี่ครับที่นี่ไม่ใช่กาแฟนกแก้ว ต้นตำหรับเอสเพรสโซ่ มีแค่ช็อตแบบ 1 แก้วเล็กและที่สำคัญไม่ได้มีแบบเย็นเติมน้ำแข็งแบบบ้านเรานะ เราว่าที่เมืองไทยดัดแปลงให้เข้ากับสภาพอากาศ” ชูใจแอบกระซิบเบาๆ “อ้าวหรอ?” “ใช่ครับแต่รับรองความเข้ม!” (วันนั้นดื่มกันตอนบ่ายสาม พี่เค้ามาบอกวันรุ่งขึ้นว่ากว่าจะนอนตี 3 เลย 555)

>> Day 7 วันสุดท้ายก็สบายๆ นั่งรถไปเมืองมิลานและปิดท้ายกับอีกหนึ่งมรดกโลก คือ วิหารดูโอโม่แห่งมิลาน (Duomo) ยิ่งใกล้กันมีที่ช้อปทุกแบรนด์ของอิตาลี อย่าลืมหาของฝากติดไม้ติดมือให้คนที่บ้านด้วยนะครับ ^^

ขากลับนั่งเครื่องจากมิลานสู่กรุงเทพฯ พร้อมเก็บภาพความประทับใจนี้ไว้ในความทรงจำตลอดไป

#ให้การเดินทางของคุณเป็นเรื่องมหัศจรรย์

#TravelWonders

สอบถามเพิ่มเติม

โทร : 02-525-2235 / 08-6318-0608

Facebook: Travel Wonders Co.,Ltd

Line: @travelwonders.th

Website: www.travelwonders.co.th

ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08468

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *