หลังจากชมความงดงามของภูเขาหิมะมังกรหยกกันไปแล้ว เป้าหมายต่อไปที่แอดมินจะพาไปชมความยิ่งใหญ่นั้นมีชื่อว่า “Impression Lijiang” โชว์สุดอลังการท่ามกลางภูเขาหิมะมังกรหยก จากผู้กำกับชื่อก้องโลก จางอวี้โหมว ที่เนรมิตให้ภูเขาหิมะมังกรหยกเป็นฉากหลังและบริเวณทุ่งหญ้าเป็นเวทีการแสดง ใช้นักแสดงกว่า 600 ชีวิต ประกอบกับแสง สี เสียงและการแต่งกายสุดตระการตา เล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเผ่าต่างๆ ด้วยบรรยากาศและทุกๆ อย่างทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งโชว์ระดับโลกที่ต้องมาดูด้วยตาตัวเองจริงๆ ((นักแสดงคือวิ่งแบบไม่คิดชีวิต แต่ตัดภาพไปที่เราตอนเดินขึ้นภูเขา เอิ่ม….)) ดูโชว์ไปก็เพลินไป เหมือนกับเรากำลังนั่งดูทีวีที่มีฉากด้านหลังเป็นภูเขาหิมะโดยการตัดต่อ นี่มันคือภาพวาดชัดๆ คิดไรไม่ออกได้แต่พึมพำในใจว่า สวยอะไรขนาดนี้ฟ่ะ!! โอ้ย… #ยอมแล้วแม่ โชว์นี้ให้ 10 10 10!

หลังจากความน่าหลงใหลในโชว์ของจางอวี้โหมวแล้ว เรายังไม่พาออกจากเขตอุทยานนะครับเพราะได้กล่าวไว้แล้วว่าเที่ยวในอุทยานทั้งวัน เพราะยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างที่หากคุณมาถึงแล้วก็ต้องมาที่นี่เช่นกัน ไม่รอช้ารถบัสนำเราไปยัง “หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน” (Blue Moon Valley) ณ จุดนี้เราต้องเปลี่ยนยานพาหนะอีกรอบเป็นรถราง ระหว่างทางที่ผ่านไปก็มองเห็นแต่เจ้าภูเขาหิมะมังกรหยกตั้งตระหง่านบริเวณใจกลางอุทยาน ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศโดยรอบอยู่นั้นก็ต้องทำให้ตาของเราสะกดอยู่กับสิ่ง ที่เห็นตรงหน้า แม่น้ำที่ใสราวกับน้ำสารส้มไปแกว่ง ไหลลดหลั่นกันไปเป็นชั้นๆ สิ่งที่เราต้องการตอนนั้นคืออยากจะเข้าไปสัมผัสให้ใกล้กว่านี้ แต่เหมือนพี่คนขับได้ยินแน่ๆ เขาจอดให้เราได้ลงไปถ่ายรูปประมาณ 20 นาที เพราะที่นี่มีหลายจุด แต่ละจุดจะมีความสวยงามจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเราต้องใช้เวลาทั้งหมดที่มีให้เกิดประโยชน์มากที่สุดไปเลย… ไปต่อจุดถัดไปกันจุดนี้จะเห็นชั้นของแม่น้ำอย่างชัดเจนเพราะพี่จีนเขาสร้างขึ้นให้เหมือนกับน้ำตกที่ค่อยๆ ไหลลงทีละชั้น ที่สำคัญไม่ได้มองว่าเป็นของที่ถูกสร้างขึ้นนะ สิ่งที่เห็นคือราวกับธรรมชาติสร้างขึ้นจริงๆ อ้อ..! ตรงนี้มีจามรีด้วย 1 ตัว ฮ่าฮ่าฮ่า หมายถึงเฉพาะจุดนี้นะ แต่จะมีจุดรวมพลใหญ่อีกที่หนึ่ง ^^ ถึงเวลาโบกมือบ๊าย..บาย.. รถอุทยานจะมาส่งเราบริเวณจุดลงรถตอนแรกจากนั้นก็ใช้รถของเราตามปกติได้เลย

แต่วันนี้ยังไม่จบนะ เพราะไหนก็มาทางนี้แล้วขออนุญาตเก็บอีก 1 สถานที่ คือ “อุทยานน้ำหยก” (Jade Water Village) สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในลี่เจียง หัวใจทางด้านวัฒนธรรมของชนเผ่าหน่าซี โดยกลมกลืนกับธรรมชาติที่งดงาม มีน้ำตกมังกรที่ไหลไปตามไหล่เขาโดยจะแบ่งได้เป็น 3 ชั้น ชั้นแรกมีชื่อว่า “มังกรออกถ้ำ” ชั้นที่สองชื่อ “มังกรเล่นน้ำ” ชั้นที่สามชื่อ “มังกรโบยบิน” และยังมีต้นไม้เทวดา (ด้านหลังเทพเจ้าสีทอง)

ซึ่งเป็นที่สักการะบูชาของคนในพื้นที่นั้นโดยมีอายุมากกว่า 500 ปี ในอุทยานจะเป็นที่ที่น้ำมีอุณหภูมิที่เหมาะแก่การเลี้ยงปลาแซลมอนมาก ฉะนั้นเราจึงได้เห็นปลาแซลมอนทั้งสีดำและสีทองว่ายอยู่ในสระนั้น ซึ่งก็เป็นปลาที่เขาเลี้ยงเอาไว้นั่นเองครับ จบไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับการเดินทางวันที่สอง ต้องบอกว่าวันนี้คืออ่อนแรงมาก ขออนุญาตเข้าที่พักเติมพลังสำหรับอีกวันกันก่อนนะครับ Good Night Zz…

> Day 3 < อรุณสวัสดิ์เช้าวันที่สาม วันนี้โปรแกรมจะเริ่มชิวๆ เริ่มต้นครึ่งเช้าด้วยความเสียวอย่างแท้จริง เพราะที่นี่คือ “สะพานแก้วลี่เจียง” (Lijiang Glass Bridge) สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของลี่เจียงที่ซ่อนความเสียว และความท้าทายไปพร้อมๆ กัน สะพานแก้วแห่งนี้อยู่บนหุบเขาลึก มีความยาว 137 เมตร กว้าง 4 เมตร จุดสูงจากใต้หุบเขา 97 เมตรได้ชื่อว่าเป็นสะพานแก้วแขวนที่สูงที่สุดในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน และแน่นอนว่ามีทั้งคนที่กล้าเดินข้าม และไม่ไหวจริงๆ สำหรับคนไม่ได้ข้ามไปอีกฟากนั้น สามารถเดินเล่นบริเวณรอบๆ ได้เลย เนื่องจากจะมีทั้งจุดชมวิว สถานที่ถ่ายรูปหลากหลายมุม แถมยังสามารถมองเห็นภูเขาหิมะมังกรหยกได้อีกด้วย #ภูเขานี้จะติดตามไปทุกหนแห่ง ^^

สำหรับใครที่เดินข้ามไปยังอีกฟากของสะพานแล้วจะมีทางเดินลงบันไดไปถึงหุบเขา อื้อหือ… บริเวณด้านล่างร่มรื่นมาก ป่าไม้ช่างอุดมสมบูรณ์เสียจริง ในระหว่างทางที่เดินไปเรื่อยซึ่งจุดหมายคือจุดจอดรถรางที่จะนำท่านเดินทางกลับสู่ลานจอดรถของเรา แต่ก่อนที่จะถึงเราต้องเดินเท้าไปเรื่อยๆ และเริ่มจะเห็นกลุ่มคนหรือชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ ณ “หมู่บ้านไป๋ซา” (Baisha Ancient Town) เป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณเอาไว้ให้เราได้ชม ที่สำคัญหมู่บ้านไป๋ซายังเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลี่เจียงในสมัยราชวงศ์ซ่งและราชวงศ์ หยวนอีกด้วย ใช้เวลาไม่นานก็พบกับรถรางที่กำลังรอรับเราอยู่ คนครบปุ๊บ! ออกเดินทางปั๊บ! เฮ้อ…ทั้งเหนื่อย ทั้งหอบ และทั้งสมบูรณ์จริงๆ #ข้าน้อยขอคารวะ

ไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันดีกว่า… (แค่ได้ยินประโยคนี้ในใจก็เริ่มกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที)
มื้อกลางวันนี้เราได้ไปทานอาหารบริเวณเมืองเก่าแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวช่วงบ่ายของเรานั่นเอง จุดเด่นของร้านนี้นอกจากจะอาหารอร่อยแล้ว ยังสามารถถ่ายรูปออกมาได้สวยงามมากอีกด้วย เพราะวิวที่ได้คือหลังคาบ้านเก่าๆ เรียงรายอยู่หลายหลังทำให้มองเห็นถึงความงดงามแบบคลาสสิคได้อย่างชัดเจน หลังจากอิ่มท้องแล้ว ก็ไม่รอช้าที่จะอยากไปสัมผัสบริเวณด้านในกับ “เมืองเก่าซู่เหอ” (Shu he Ancient Town) พอเดินออกมาจากร้านอาหาร ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งตรงมาทางเรา แต่เป็นเสียงที่ไม่ธรรมดาแน่ๆ มองหาแล้วมองหาอีก

โอ้โหววว… ขบวนรถม้าประมาณ 4-5 คัน พร้อมหน้าพร้อมตาวิ่งมารับเราบริเวณหน้าร้านอาหารกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นแต่ละคนก็เริ่มองค์แม่ลงบ้าง องค์เจ้าพ่อลงบ้าง สวมตำแหน่งแทบไม่ทัน พร้อมกับขึ้นไปนั่งบนรถมาอย่างสง่าผ่าเผย น้องม้าก็ตั้งใจพาเราวิ่งเข้าสู่ตัวเมืองเก่าซู่เหอ แหมะ! มันช่างเหมากับข้าอะไรเยี่ยงนี้ หุหุ! “ซู่เหอ” มีความหมายว่า “รวบรวมเงินทอง” อันหมายถึง ด้านหลังของหมู่บ้านมีภูเขา Jubao ที่มีลักษณะซ้อนทับกันเหมือนเป็นการเก็บสะสมเงินทองจึงได้ตั้งชื่อหมู่บ้านตามชื่อของภูเขา และมีความหมายว่า “หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ภายใต้ภูเขาสูง” สมัยก่อนถือเป็นจุดสำคัญของเส้นทางชาม้ายูนนาน หรืออาจเรียกอีกอย่างว่า “เส้นทางสายไหมใต้” เป็นตลาดค้าเครื่องหนังในอดีต ในสมัยราชวงศ์หมิง มีผู้ปกครองแซ่ถู ได้ว่าจ้างช่างกลุ่มหนึ่งมาจากทางใต้มาทำผลิตภัณฑ์เครื่องหนังต่างๆ และอยู่อาศัยในที่แห่งนี้ จนทำให้หมู่บ้านแห่งช่างปะรองเท้าที่ลือชื่อระหว่าง มณฑลยูนนาน มณฑลเสฉวน และ ทิเบต มีการผลิตรองเท้าหนัง อานม้า เสื้อผ้าเครื่องหนัง สายเชือก เครื่องโลหะ และเครื่องไม้ไผ่ จนทำให้หลายๆ อย่างกลายเป็นสินค้าที่สามารถนำกลับไปเป็นของที่ระลึกได้อีกด้วย

ยังอีก..ยังไม่จบอีก.. ปลายทองสุดท้ายของทริปนี้ขาดไม่ได้ เพราะหากค้นหาคำว่าลี่เจียงในอินเตอร์เน็ตต้องมีรูปนี้ขึ้นมาด้วยแน่นอน “สระน้ำมังกรดำ” (Heillongtan, Black Dragon Pool) สระน้ำมังกรดำมีจุดเด่นที่ความใสของน้ำที่ใสราวกับมรกต นอกจากนี้ ภายในสวนยังมีการสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของชาวฮั่น ทิเบต และหน่าซี ไว้ด้วยกัน สระมังกรดำมีตำนานเล่าขานกันว่าในอดีตมีคนพบเห็นมังกรดำปรากฏกายใต้น้ำบ้าง หรือผุดขึ้นมาจากสระน้ำบ้าง ส่วนบรรยากาศภายในสวนนั้นเงียบสงบและงดงามด้วยบึงน้ำใสสะอาดสะท้อนภาพทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมะมังกรหยกได้อย่างชัดเจน ว่ากันว่าทิวทัศน์ของเทือกเขาหิมะมังกรหยกที่มองจากบริเวณสระมังกรดำเป็นหนึ่งในทิว ทัศน์ที่งดงามที่สุดของจีน…

หากคุณกำลังมองหาสถานที่พักผ่อน อากาศดีๆ บรรยากาศเริ่ดๆ ต้องยอมรับว่าลี่เจียง คือหนึ่งในเมืองที่ควรมา หากยังติดภาพประเทศจีนสมัยก่อนอยู่ ที่นี่ช่วยเปลี่ยนความคิดนั้นได้
อาหารการกินมีการปรับให้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวมากขึ้น หรือแม้แต่กระทั่ง “หม่าล่า” เมนูสุดซี๊ดเอาใจคนชอบทานเผ็ด ที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นกัน // ถามถึงห้องน้ำ ถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็มีการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น // ส่วนที่พักก็มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตัวเมือง หรือในเมืองโบราณต่างๆ ก็มีให้บริการมากมาย ที่สำคัญเรื่องการใช้จ่ายไม่ได้แตกต่างจากไทยเลย ขึ้นอยู่กับเรทเงิน ณ ขณะนั้น และแน่นอนว่าความทันสมัยไม่เท่าเมืองใหญ่ๆ แน่นอนแต่เชื่อเถอะครับหากคุณมาสัมผัสด้วยตนเอง คุณจะหลงรักเมืองเล็กๆ แห่งนี้โดยไม่รู้ตัว เหมือนกับผมที่รู้สึกว่าต้องมาอีกให้ได้ >> หลงรักลี่เจียง <<

>> End Credit <<

ก่อนอื่นต้องขอกล่าวแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสำหรับ COVID-19 โรคระบาทที่ร้ายแรงจนตอนนี้หลายๆ ประเทศมีคำสั่งปิดไปเป็นที่เรียบร้อย อย่างประเทศจีนเป็นหลัก และยังไม่ทราบว่าจะเปิดให้ท่องเที่ยวเป็นปกติได้อีกเมื่อไหร่ หากถึงเวลานั้นจริงๆ ความเชื่อมั่นของนักเดินทางก็ไม่รู้ว่าจะยังคงเหลือมากน้อยเพียงใด แต่สำหรับตัวแอดมินเองมองว่าประเทศที่มีกำลังซื้อมากมายจนกลายเป็นฐานเศรษฐกิจโลกอย่างประเทศจีน หากถึงเวลาและวันนั้นของพวกเขากลับมาถึง อย่างไรก็ตามสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็น Unseen สถานที่ที่น่าหลงใหล และแฝงไปด้วยความอัศจรรย์ จะยังคงเป็นปลายทางสำคัญในการพักผ่อนหย่อนใจของใครหลายๆ คนเช่นเดิมขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน และไว้ไปเที่ยวกันนะ ^^ #SaveChina

#ให้การเดินทางของคุณเป็นเรื่องมหัศจรรย์

#TravelWonders

สอบถามเพิ่มเติม
โทร : 02-525-2235 / 08-6318-0608
Facebook: Travel Wonders Co.,Ltd
Line: @travelwonders.th
Website: www.travelwonders.co.th
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 11/08468

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *